วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ถ้ำเจ็ดคต









ถ้ำเจ็ดคต......... ถ้ำมหัศจรรย์มีลำคลองลอดผ่าน
หมู่ที่ 6 ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง

ถ้ำเจ็ดคตหรือ “ถ้ำสัตคูหา” ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 10  ตำบลน้ำผุด  อำเภอละงู  ด้านทิศเหนือของน้ำตก วังสายทองห่างไปราว  2  กิโลเมตร  ระยะห่างจากเขตเทศบาลตำบลกำแพง  38  กิโลเมตร  เส้นทางไปมาสะดวก  ลาดยางถึงบริเวณถ้ำ  จึงเดินทางไปท่องเที่ยวได้ตลอดปี  ถ้ำเจ็ดคตมีความกว้าง 70 – 80 เมตร ยาวประมาณ  600  เมตร  แบ่งออกเป็น  7  ช่วงหรือคูหา  บางช่วงมีความสูงของเพดานถ้ำ 100 – 200 เมตร มีลำคลองไหลผ่านในถ้ำ  คือ คลองมะนัง  ต้นน้ำเกิดจากถ้ำโตน   อยู่ทางเหนือของถ้ำป่าพน  อำเภอมะนัง  คลองมะนังไหลออกปากถ้ำไปบรรจบกับคลองละงู  ซึ่งมีต้นน้ำเกิดจากภูเขาในจังหวัดตรัง

ภายในถ้ำซึ่งแบ่งเป็น  7  ช่วง  มีบรรยากาศแตกต่างกัน  ลำคลองไหลไปตามความคดเคี้ยวของตัวถ้ำ  สายน้ำจึงมีความตื้นลึกไม่เท่ากัน  ในช่วงหน้าแล้ง  น้ำลึกแค่ท่วมข้อเท้า  เดินลุยไปได้อย่างสบาย  บางตอนอาจลึกเกิน  5 เมตร  ช่วงหน้าฝน  น้ำหลาก  จะเดินทางเข้าไปได้ค่อนข้างยาก  นักท่องเที่ยวต้องเดินลัดเลาะไปตามริมผนังถ้ำ  เดินลุยน้ำ  บางตอนเป็นหาดทรายผสมกรวดบ้าง  บางคูหามีพื้นที่เป็นโคลนเลน               ต้องระมัดระวังในการเดินเป็นพิเศษควรมีไฟฉายติดตัวไปด้วย
บรรยากาศในถ้ำเงียบสงัด  แทรกด้วยเสียงน้ำไหลสลับกับเสียงลุยน้ำและเสียงสนทนาจากผู้มาเยือนเป็นระยะ ๆ  สิ่งที่เรียกเสียงอุทานด้วยความพึงพอใจจากนักท่องเที่ยวทั่วหน้าก็คือ  ดวงตาวาววับล้อแสงไฟที่ส่องไปกระทบของกลุ่มค้างคาวที่เกาะตัวอยู่บนเพดานถ้ำ  ดูราวกับกลุ่มดาวเคราะห์บนฟากฟ้าอันไกลโพ้น  มีหินงอกหินย้อยอยู่ทั่วไป ก่อเกิดจินตนาการที่กว้างไกลแก่ผู้พบเห็น  เมื่อเดินทางถึงคดสุดท้ายหรือคดที่เจ็ด  มีลำแสงส่องจากปากถ้ำ  เหมือนแสงแห่งชัยชนะมอบให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางถึงคูหาสุดท้ายใช้เวลาในการลัดเลาะไปตามผนังถ้ำลุยน้ำ  ชมธรรมชาติประมาณ 30  นาที
ถ้ำเจ็ดคตมีลักษณะพิเศษ  แตกต่างจากถ้ำอื่น ๆ  มีลำคลองลอดถ้ำ  คดเคี้ยวไปตามลักษณะธรรมชาติของตัวถ้ำมีถึง 7 คูหา  เป็นที่มาของชื่อถ้ำแห่งนี้  มีผู้ตั้งชื่อใหม่ว่า “ถ้ำสัตคูหา”  พร้อมตั้งชื่อของแต่ละคูหา ดังนี้
คูหาที่ 1  เรียกว่า “สาวยิ้ม”  ผนังถ้ำมีสีเขียวมรกตมีหินงอกหินย้อยอยู่หน้าถ้ำ
คูหาที่ 2 เรียกว่า  “นางคอย”  มีหินงอก  หินย้อย  สวยงาม และฝูงค้างคาวจำนวนมาก
คูหาที่ 3 เรียกว่า  “เพชรร่วง”  ส่วนบนของผนังถ้ำมีช่อง  ให้แสงอาทิตย์ส่องลอดลงมาได้  เมื่อแสงอาทิตย์กระทบกับผนังถ้ำจึงเกิดประกายแวววาวเหมือนเพชร
คูหาที่ 4  เรียกว่า “เจดีย์สามยอด”  พื้นทางเดินเป็นหิน  ลักษณะคล้ายดอกกุหลาบ
คูหาที่ 5  เรียกว่า “ น้ำทิพย์”  ตามผนังถ้ำเป็นหินย้อยสีขาว และน้ำตาล  เป็นหลืบซ้อนกันมองดูคล้ายผ้าม่าน
คูหาที่ 6  เรียกว่า “ ฉัตรทอง”  มีหินงอก หินย้อยซ้อนเหลื่อมกันเป็นชั้นเสมือนฉัตร
คูหาที่ 7  เรียกว่า “ ส่องนภา”  ภายในมีหินงอก  หินย้อย  รูปทรงคล้ายดอกบัวคว่ำ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น